การสักคิ้วและประเภทของการสักคิ้ว

  สักคิ้วมีกี่แบบ? สักคิ้วมีกี่ประเภท?  สักคิ้วเจ็บมั้ย?  สักคิ้วดีมั้ย?

  หากคุณมีคำถามเหล่านี้ เสียเวลาอ่านสักครู่เพื่อทำความเข้าใจ และเพื่อเป็นประโยชน์แก่การเลือกร้านให้บริการสักคิ้วค่ะ

           ศิลปะการตกแต่งคิ้วนับศาสตร์ความงามที่เป็นวิวัฒนาการก้าวใหม่ด้านเสริมความงาม โดยการสักคิ้วหรือการเขียนคิ้วถาวร เป็นการฝังสีลงผิวหนังบริเวณคิ้วโดยสีเกิดการฝังตัวที่ชั้นหนังแท้ (Dermis) เกิดเป็นโครงคิ้ว ทำให้ไม่ต้องเขียนใหม่ทุกวันหรือทุกครั้งที่ล้างหน้า นำมาซึ่งความสะดวกสบายและประหยัดเวลา อีกทั้งยังส่งเสริมความมั่นใจและบุคลิกภาพให้แก่ผู้รับบริการทั้งชายและหญิง ส่งผลให้การสักคิ้วหรือการฝังสีคิ้วนั้นได้รับความนิยมค่อนข้างมากในปัจจุบัน

จากสักษณะการสัก ความลึกในการสัก และสีที่ใช้ในการสัก สามารถแบ่งการสักคิ้วแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้

1.การสักคิ้วแบบถาวร (Permanent Makeup)

         การสักคิ้วแบบถาวร เป็นการสักคิ้วในยุคแรกที่มีการพัฒนาการสักมาจากการสักตัว โดยจะมีการฝังสีที่ชั้นหนังแท้ที่ลึก และเน้นสีที่มีความชัดเจน ทำให้คิ้วที่ได้จะมีความคงทนถาวร 15-20ปี ประกอบกับสีที่ใช้ในการสักจะเป็นสีที่มีอนุภาคขนาดใหญ่ เช่น สีสักตัว สีโลหะหนัก เป็นต้น ซึ่งการที่อนุภาคสีมีขนาดที่ใหญ่ทำให้ไม่สามารถสักคิ้วให้เป็นเส้นหรือลอกเลียนแนวขนจริงได้ การสักแบบนี้จึงสามารถสักได้แค่การสักแบบทึบหรือการสักลอกเลียนการเขียนคิ้วเท่านั้น ในระยะยาวที่สีมีการเปลี่ยน หรือเพี้ยน อาจเกิดลักษณะสีคิ้วเขียว เทา หรือม่วงได้ และเมื่อวันเวลาผ่านไป กล้ามเนื้อบนใบหน้า รวมไปถึงรูปหน้ามีการเปลี่ยนต่ำแหน่งหรือหย่อนคล้อยทำให้คิ้้วตกหรือผิดรูปไปจากเดิมได้ เนื่องจากสีที่อยู่ได้นานเกินไปหากจะลบหรือแก้ไขสามารถทำได้แต่จะยากกว่าการสักคิ้วกึ่งถาวร (Semipermanent Makeup)

ภาพชั้นผิวหนัง ขอบคุณที่มาจาก stanfordchildrens

2.การสักคิ้วกึ่งถาวร (Semipermanent Makeup)

        การสักคิ้วกึ่งถาวร เป็นการสักคิ้วรูปแบบใหม่ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน อันเนื่องมาจากการฝังสีลงบนผิวหนังชั้นตื้นขึ้น ทำให้ผู้เข้ารับบริการรู้สึกเจ็บน้อยกว่าการสักคิ้วแบบถาวร โดยมีการฝังสีคิ้วลงในผิวเพียงชั้นบน ๆ ของชั้นหนังแท้(Upper Dermis)  เท่านั้น อีกทั้งอนุภาคสีที่ใช้มีขนาดเล็กลง คือ สีนาโน(Nano Pigment) หรือ สีไมโคร (Micro Pigment) การสักรูปแบบนี้จึงทำให้สามารถสักได้ทั้งแบบเส้นคือลอกเบียนเส้นขนคิ้ว และ แบบทึบคือลอกเลียนการเขียนคิ้ว และด้วยสีที่อนุภาคเล็กและมีการฝังสีที่ตื้นขึ้นจึงทำให้สีที่ฝังลงบนผิวหนังบริเวณคิ้วจะอยู่เพียง 1-3 ปี ซึ่งสามารถลบแก้ไขได้ง่ายหากกล้ามเนื้อบนใบหน้าเปลี่ยนแปลงไป หรือมีความหย่อนคล้อย รวมไปถึงหากมีเทคนิคใหม่ๆ ที่ผู้ใช้บริการต้องการเปลี่ยนรูปแบบคิ้วหรือเทคนิคก็สามารถทำได้โดยง่าย รวมไปถึงเคสแก้ไขคิ้วที่ผิดรูปก็สามารถลบแก้ไขได้ง่ายกว่าการสักคิ้วถาวรอีกด้วย

      หากจะสักคิ้ว คิ้วแบบไหนหล่ะที่เหมาะกับเราและการสักคิ้วมีกี่แบบกันนะ 

      คิ้วสไลด์ คิ้วฝุ่น คิ้วซูจี คิ้วดอท คิ้ว3มิติ คิ้ว6มิติ เพ้นท์คิ้ว ฝังสีคิ้ว คิ้วแฮร์สโตก คิ้วออมเบร คิ้วผสม คิ้วดูโอ คิ้วไฮรบริต ฯลฯ

      หากเรากำลังสนใจสักคิ้วและหาข้อมูลจะพบว่าการสักคิ้วนั้นดูเยอะแยะมากมายจนบางครั้งช่างเองยังถึงกับงง ว่าแท้จริงแล้วคิ้วมีกี่แบบเยอะแยะไปหมด วันนี้อาจารย์จะมาไขข้อข้องใจให้ทุกท่านกันค่ะ

      แท้จริงแล้วการสักคิ้วมี 3 แบบเท่านั้น

      การสักคิ้วแบบที่1 : การสักคิ้วแบบเส้น(Stroke Eyebrow) หรือการสักคิ้วเพื่อลอกเลียนเส้นขนคิ้ว 

      การสักคิ้วแบบที่2 : การสักคิ้วแบบทึบ (Shading Eyebrow) หรือการสักคิ้วเพื่อลอกเลียนการเขียนคิ้ว

      การสักคิ้วแบบที่3 : การสักคิ้วแบบผสม (Hybrid or Combination Eyebrow) คือ การนำแบบที่1(ลายเส้น) มาผสมกับการสักคิ้วแบบที่2(ทึบ) โดยมักทำบริเวณหัวคิ้วไปจนถึงกลางตัวเป็นลายเส้น และบริเวณหางคิ้วเป็นแบบทึบ

     เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้นอาจารย์ขออนุญาตยกตัวอย่างและภาพประกอบดังนี้ค่ะ

     การสักคิ้วแบบที่1 : การสักคิ้วแบบเส้น หรือการสักคิ้วเพื่อลอกเลียนเส้นขนคิ้ว เป็นนวัตกรรมที่มีการคิดค้นมาภายหลังจากที่มีการสักคิ้วถาวรและแบบทึบ ข้อดีของการสักคิ้วแบบลอกเลียนเส้นขนคิ้วนั้น นำมาซึ่งความเป็นธรรมชาติเมื่อผู้เข้ารับบริการสักคิ้วทำไปแล้วให้ความรู้สึกธรรมชาติ แม้ไม่แต่งหน้าก็ดูเหมือนมีขนคิ้วและโครงคิ้วที่สดงาม หรือที่เราๆ ชอบพูดว่า "หน้าสดก็รอด" นั่นเอง และด้วยความเป็นธรรมชาตินี้ ทำให้กลุ่มลูกค้าคุณผู้ชายหันมาสนใจสักคิ้วผู้ชายเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากมีความเป็นธรรมชาติเสมือนมีขนคิ้วเยอะขึ้นแต่ก็ไม่ชัดเวอร์เหมือนกันสักทึบอย่างในสมัยก่อน เพราะปัญหาคิ้วน้อยคิ้วแหว่ง ทรงคิ้วไม่ได้รูป มิได้มีเฉพาะในคุณผู้หญิงเท่านั้นหากแต่คุณผู้ชายก็มีปัญหาเหล่านี้เช่นกัน

     คำถามถัดมาคือ แล้วเทคนิคไหนหล่ะที่เป็นการสักแบบที่1 (การสักคิ้วแบบเส้น หรือการสักคิ้วเพื่อลอกเลียนเส้นขนคิ้ว) บ้าง หลักๆ แล้วการสักเพื่อลอกเลียนลายเส้นขนคิ้วช่างสักคิ้วสามารถใช้เครื่องมือหลักได้ 2 อย่าง คือ ด้ามเพ้นท์และเครื่องสัก

    การสักคิ้วลายเส้นด้วยด้ามเพ้นท์(Embopen Method) : โดยการสักด้วยด้ามเพ้นท์ในประเทศไทยเดิมเรานิยมเรียกว่า การสักคิ้ว 3มิติลายเส้น การสักคิ้ว6มิตลายเส้น การเพ้นท์คิ้ว เป็นต้น ในต่างประเทศแถบยุโรปหรือสหรัฐอเมริกาจะเรียกการสักด้วยด้ามเพ้นท์แบบนี้ว่าไมโครเบลดดิ้ง (Microblading) ซึ่งข้อดีของเทคนิคนี้คือ ได้ลักษณะแผลที่เล็ก(ทั้งนี้ขึ้นกับความชำนาญของช่างแะลขนาดของใบมีดเพ้นท์ที่ใช้) สามารถลอกเลียนเส้นขนคิ้วของลูกค้าให้เรียงตัวเป็นเส้นและสร้างทรงคิ้วตามที่ลูกค้าต้องการได้ แต่มีข้อจำกัดคือ ไม่สามารถทำเส้นตัดขวางหรือไล่น้ำหนักเส้นเสมือนการวาดภาพ และเป็นแผลเปิดหลังสักผู้ใช้บริการต้องงดโดนน้ำ 7วัน

ภาพ การสักคิ้วด้วยด้ามเพ้นท์(Embopen Method) หรือ Microblading ที่มา: (TBC.Academy,2565)

   การสักคิ้วลายเส้นด้วยเครื่องสัก (Stroke Machine Method) : เดิมมีการสักคิ้วลายเส้นด้วยเครื่องสักมาก่อนประมาณ10-15 ปีก่อนที่จะมีการสักคิ้วลายเส้นด้วยด้ามเพ้นท์ แต่ปัญหาที่พบในในการสักด้วยเครื่องสักเดิมคือ ได้เส้นที่มีขนาดใหญ่ เส้นไม่พริ้วสวย อีกทั้งหากสักในคนผิวมันเส้นที่ได้จะฟุ้งเบลอไม่เป็นเส้น จึงทำให้การสักด้วยด้ามเพ้นท์ได้รับความนิยมมากกว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา  ต่อมาในปี 2562 ช่างสักคิ้วทั้งในและต่างประเทศได้หันกลับมาสนใจเทคนิคการสักคิ้วลายเส้นด้วยเครื่อง อันเนื่องมาจากอุปกรณ์และเทคโนโลยีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสีที่มีอนุภาคขนาดเล็ก(Micropigment) สารละลายที่ใช้และการยึดเกาะของสีที่ดีขึ้น รวมไปถึงเครื่องและเข็มที่มีความนิ่งและคม ส่งผลต่อการพัฒนาและคิดค้นเทคนิคใหม่ให้กับการสักคิ้ว ด้วยเทคนิคการสร้างลายเส้นด้วยเครื่อง(Hair Stroke Technique) จากช่างสักคิ้วระดับมาสเตอร์ในต่างประเทศ ส่งผลให้ช่างสักคิ้วและอาจารย์สักคิ้วในเมืองไทยสนใจและพัฒนางานของตนเองด้วยเทคนิคนี้มากขึ้นตามไปด้วย อันเนื่องมาจากลักษณะแผลที่ได้มีการเปิดผิวที่น้อย หรือ ที่เรียกว่าแผลปิดทำให้หลังสักผู้ใช้บริการสามารถโดนน้ำได้ทันที ซึ่งถูกใจลูกค้าหลายๆ ท่านที่ไม่มีเวลาพักฟื้นเป็นอย่างมาก ประการถัดมาคือด้วยข้อจำกัดของการใช้ใบมีดที่ไม่สามารถทำลายเส้นที่ไล่ระดับสีหรือไล่เส้นตัดขวางกันได้อย่างธรรมชาติ แต่การใช้เทคนิค (Hair Stroke Technique) นี้สามารถทำได้ จึงส่งผลให้เทคนิคนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เพราะไม่ใช่แค่สักคิ้วแต่เป็นการสักคิ้วลายเส้นเสมือนจริง (Realistic Hair Stroke Eyebrow) หากแต่เทคนิคนี้ต้องใช้ความชำนาญเป็นอย่างมากผู้สนใจใช้บริการควรศึกษาให้ดีก่อนเข้ารับบริการค่ะ

 

โดย  : เพ็ญพราว กล้ายประยงค์ (ผู้อำนวยการสถาบัน TBC.Academy)

เมื่อ : 26เมษายน2565 (ปรับปรุงล่าสุด)