คำถามที่อาจารย์พบบ่อยมากๆ คือ
-สักคิ้วลึกแค่ไหน
-สักคิ้วถาวรหรือสักคิ้วอาม่าทำไมมันเขียว
-สักคิ้วสมัยนี้แตกต่างจากแบบเก่าๆ อย่างไร
-ฝังสีคิ้วคืออะไร เหมือนการสักคิ้วหรือไม่
มาค่ะอาจารย์แอมจะอธิบายให้ฟังกัน
ความแตกต่างระหว่างการสักคิ้วถาวร และ การสักคิ้วกึ่งถาวร (ฝังสีคิ้ว)
ก่อนอื่นเลยเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่าการสักคิ้วคืออะไร การสักคิ้วคือ การใช้เข็มขนาดเล็กเปิดผิวเพื่อใส่สีสักคิ้วลงไปไม่ว่าจะเป็นการสักแบบลายเส้นหรือการสักแบบลอกเลียนการเขียนคิ้วหรือคิ้วฝุ่น คิ้วสไลด์นั่นเอง โดยการสักคิ้วถาวร และ การสักคิ้วกึ่งถาวร (ฝังสีคิ้ว) มีความแตกต่างกันดังนี้
การสักคิ้วถาวร เป็นการสักโดยพัฒนามาจากการสักตัวโดยใช้เครื่องสักตัวและเข็มที่มีขนาดใหญ่ รวมไปถึงสีสักก็เป็นสีสักตัวซึ่งมีอนุภาคขนาดใหญ่ อีกทั้งเครื่องสักที่มีมอเตอร์ที่แรงทำให้มีการใส่สีลงไปที่ผิวค่อนข้างลึกแผลหลังการสักจะมีความช้ำ และมีโอกาสอักเสบได้หากผู้เข้ารับบริการดูแลแผลไม่ดี ทังนี้การสักมีความเจ็บกว่าในปัจจุบันค่อนข้างมาก หากใครเคยสักแบบถาวรมามักได้รับการเล่าขานกันว่าเจ็บมากๆๆๆๆ นอกจากนี้การใส่สีหรือฝังสีลงไปที่ชั้นผิวลึกๆ ด้วยอนุภาคขนาดใหญ่ส่งผลให้สีสามารถฝังอยู่ในผิวได้นาน 10-20ปี ปัญหาที่ตามมาคือเมื่อเวลาผ่านไปนานเข้าผิวหนังและกล้ามเนื้อบนใบหน้าของเรามักเปลี่ยนตำแหน่งเมื่อต้องการลบหรือสักทับรอยเดิมที่เป็นรอยสักคิ้วแบบถาวรจะแก้ไขได้ยากกว่าการสักกึ่งถาวรค่อนข้างมาก ทั้งการลบที่ค่อนข้างยากใช้เวลานานเนื่องจากเม็ดสีมีอนุภาคค่อนข้างใหญ่หากต้องลบด้วยเครื่องเลเซอร์ต้องลบหลายครั้งและเสี่ยงต่อการผิวแข็งหรือเป็นแผลเป็นได้ หรือหากลบด้วยน้ำยาลบคิ้วก็มีโอกาสที่จะเสี่ยงต่อการเป็นแผลเป็นเนื่องจากสีสักคิ้วถูกฝั้งอยู้ค่อนข้างลึก ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นเหตุให้การสักคิ้วมีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปมากเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เข้ารับบริการ แต่บางร้านก็ยังทำแบบเดิมๆ อย่างการสักคิ้วถาวรอยู่ผู้เข้ารับบริการควรศึกษาก่อนและสอบถามทางร้านเพื่อความสวยที่ถูกใจเรานะคะ
การสักคิ้วกึ่งถาวรหรือการฝังสีคิ้ว เนื่องจากการสักคิ้วเดิมมีปัญหาและภาพจำที่ทำให้นึกถึงการสักที่เจ็บและดำเป็นปื้นๆ จึงมีร้านหรือช่างพยายามใช้คำศัพท์ใหม่ๆ เพื่อให้เห็นความแตกต่างว่าการสักคิ้วสมัยนี้ไม่เจ็บและไม่อันตราย เช่น ในยุคแรกจากคิ้วดำปื้นๆ แต่การสักได้มีการพัฒนาใช้สีสักคิ้วและไล่เฉดให้ดูเหมือนการเขียนคิ้วที่หัวจางหางเข้ม โดยเรียกว่าคิ้วสไลด์ แต่นวัตกรรมด้านความงามไม่เคยหยุดยั้งเกิดคิ้วลายเส้นขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มที่เน้นความเป็นธรรมชาติ จึงเกิดการสักคิ้วลายเส้น 3 มิติ การสักคิ้วลายเส้น 6 มิติ เกิดขึ้น และล่าสุดเพื่อให้การสักเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้นจึงเกิดเทคนิคใหม่ๆอย่าการสักคิ้วออมเบร (Ombre Eyebrow) ที่เบาและฟุ้งเหมือนคิ้วฝุ่น หรือกระทั่งการสักคิ้วแฮร์สโตก (Hair stroke eyebrow) ที่เป็นเทคนิคใหม่ช่วยให้สร้างลายเส้นให้กับคิ้วได้เสมือนจริงและแผลเล็กลงทำให้สามารถโดนน้ำได้ทันทีหลังทำเสร็จ ทั้งหมดนี้เรื่มมีการใช้สีเฉพาะทางและมีการพัฒนาอนุภาคสีให้มีความเล็กลง เข็มมีขนาดเล็กลงและฝังตื้นกว่าการสักคิ้วถาวร จึงมักเรียกกันว่าสักคิ้วกึ่งถาวร หรือ การฝังสีคิ้ว แต่ทั้งนี้ยังมีความเข้าใจผิดคลาดเคลื่อนอยู่บ้างในเรื่องชั้นผิว แม้การฝังสีคิ้วหรือการสักคิ้วสมัยใหม่จะมีการฝังไม่ลึกหรือแผลเล็กมาก แต่การฝังสียังคงต้องลึกถึงชั้นหนังแท้ (Dermis Layer) เพราะหากสักลงเพียงชั้นหนังกำพร้า (Epidermis Layer) แล้วนั้นสีที่ใช้สักจะอยู่เพียง 28-40 วัน เพราะชั้นหนังกำพร้าจะมีการผลัดเซลล์ผิวใหม่อยู่ตลอดเวลา แต่โดยส่วนใหญ่แล้วร้านสักสมัยนี้จะสักแล้วอยู่ 8-12 เดือนนั่นแสดงให้เห็นว่ามีการฝังสีที่ชั้นหนังแท้ (Dermis Layer) แต่ฝังตื้นๆ ในชั้นหนังแท้หรือที่เรียกว่าชั้น Upper Dermis นั่นเองค่ะ
รู้ขนาดนี้แล้วการสักไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไปเลยนะคะ เพราะนวัตกรรมและเทคโนโลยีมีความก้าวหน้าและพัฒนาไปอย่างมาก หากแต่ผู้บริโภคควรศึกษาและเลือกร้านที่ตรงสไตล์กับเราและมีการพัฒนาฝีมือและเทคนิคอยู่เสมอ อย่างสถาบัน TBC.Academy ของเรามีการอัพเดทเทคนิคและเน้นสไตล์ที่เป็นธรรมชาติเพื่อให้คุณเป็นคนที่สวยขึ้นและเสริมความเฮงปังให้สมดุลกับโหงวเฮ้งบนใบหน้าอีกด้วยค่ะ
โดย : เพ็ญพราว กล้ายประยงค์ (ผู้อำนวยการสถาบัน TBC.Academy)
เมื่อ : 21มกราคม 2568(ปรับปรุงล่าสุด)